วช. ร่วมสร้างสังคมปลอดภัย ด้วยวิจัยและนวัตกรรม “BeBrave” ป้องกันการกระทำความผิดทางเพศ ในครอบครัว โรงเรียน ชุมชน
สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดล จัดการนำเสนอผลการศึกษาและผลผลิต “โครงการพัฒนาเครื่องมือที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการกระทำความผิดทางเพศในครอบครัว โรงเรียน ชุมชน และแนวทางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ” ณ โรงแรมรามา การ์เด้นส์ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2567
ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เป็นประธานกล่าวเปิดงาน และได้รับเกียรติจาก ศ. (พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “นวัตกรรมการอุดมศึกษาเพื่อสร้างความปลอดภัยให้สังคมไทย” ซึ่งโครงการดังกล่าวฯ เป็นโครงการที่ วช. ให้การสนับสนุน แก่ รศ.ดร.สุณีย์ กัลยะจิตร หัวหน้าแผนงานโครงการฯ จากมหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมด้วยทีมคณะนักวิจัย
ศ. (พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “นวัตกรรมการอุดมศึกษาเพื่อสร้างความปลอดภัยให้สังคมไทย” เน้นย้ำถึงความท้าทายในการทำให้สังคมน่าอยู่และปลอดภัย ด้วยการพัฒนาแพลตฟอร์มนวัตกรรมที่ช่วยยกระดับความปลอดภัยในสังคม โดยการศึกษาสถานการณ์ทำความเข้าใจถึงความแตกต่างของคนในสังคม เพื่อป้องกันการกระทำความผิดทางเพศ ในครอบครัว โรงเรียน ชุมชน นำไปสู่การแก้ไขปัญหาเชิงนโยบาย จนก่อให้เกิดผลผลิตและนวัตกรรมทางเทคโนโลยี ที่มีประโยชน์และทรงคุณค่าและไปสู่แนวทางการปฏิบัติ โดยทุกฝ่ายต้องมุ่งเน้น การสร้างระบบสังคมแห่งความปลอดภัย เพื่อปรับเปลี่ยนให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย ทั้งด้านกายภาพ ด้านสังคม ด้านกฎหมาย และการบังคับใช้สู่การเชื่อมโยงการทำงานร่วมกัน เพื่อนำไปสู่การป้องกันการกระทำความผิดทางเพศ และร่วมสร้างสังคมที่มีความปลอดภัยสำหรับทุกคนด้วยวิจัยและนวัตกรรม
ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า วช. เป็นองค์กรหลักด้านการวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ มีบทบาทสำคัญด้านการขับเคลื่อนและประสานการดำเนินโครงการวิจัยที่มีเป้าหมายชัดเจน รวมถึงการส่งเสริมและถ่ายทอดองค์ความรู้ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม ตลอดจนผลักดันให้เกิดการนำผลผลิตจากงานวิจัยและนวัตกรรมไปสู่การแก้ไขปัญหาที่สำคัญ ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ไปสู่การปฏิบัติให้เกิดประสิทธิผล ซึ่งปัญหาความรุนแรงทางเพศเป็นปัญหาหนึ่งที่ไม่เลือกกลุ่มเพศ วัย อีกทั้งยังเกิดได้ในทุกสถานการณ์ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องอาศัยความร่วมมือจากหลาย ๆ ภาคส่วนในการแก้ไขปัญหา รวมถึงการมีเครื่องมือกลไกในการสร้างความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง ตลอดจนเครื่องมือในการป้องกันปัญหา
สำหรับโครงการพัฒนาเครื่องมือที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการกระทำความผิดทางเพศ ในครอบครัว โรงเรียน ชุมชน และแนวทางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ นับเป็นการดำเนินงานต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ที่เป็นการพัฒนาองค์ความรู้ และทักษะในด้านเครื่องมือป้องกันการกระทำความผิดทางเพศ ทั้งยังมีการพัฒนาสื่อออนไลน์ให้เด็กเข้าถึงและเข้าใจได้ง่าย ซึ่งต้องอาศัยเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมทางอาญาให้ถูกต้องและสอดคล้องกับหลักการปฏิบัติตามมาตรฐานสากล และสามารถนำไปสู่การลดปัญหาความรุนแรงในสังคมไทยได้อย่างยั่งยืน
รศ.ดร.สุณีย์ กัลยะจิตร หัวหน้าแผนงานโครงการฯ เปิดเผยว่า การดำเนินงานวิจัยของแผนงานที่มีโครงการวิจัยย่อย ภายใต้ชุดโครงการวิจัย ทั้ง 3 โครงการ โดยพัฒนาองค์ความรู้และทักษะการเอาตัวรอดจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศผ่านสื่อเทคโนโลยีออนไลน์ เพิ่มประสิทธิภาพการนำแอปพลิเคชัน BeBrave ไปใช้ในการป้องกันการข่มขืน และนำเสนอแนวปฏิบัติที่เหมาะสมแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดและการให้ความช่วยเหลือผู้เสียหายในคดี ผ่านชุดการเรียนรู้และหนังสั้น ซึ่งมีเนื้อหาที่สอดแทรกความรู้และทักษะในการป้องกันตนเองจากการกระทำความผิดทางเพศในครอบครัว โรงเรียน และชุมชน และสิ่งที่ถือว่าเป็นแก่นของงานวิจัย ได้แก่ แอปพลิเคชัน BeBrave ที่ได้พัฒนามาจนถึงปีที่ 2 โดยมีฟังก์ชันหลักในการขอความช่วยเหลือจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศ
ซึ่งผลจากการวิจัยที่ได้จากการเก็บข้อมูลจากแต่ละภาคของประเทศไทยร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งนี้ระบบ SOS BeBrave สามารถเชื่อมโยงไปยังสายด่วนกรมสอบสวนคดีพิเศษ ศูนย์คุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียน นักศึกษาซึ่งถูกล่วงละเมิดทางเพศ มูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก และศูนย์ช่วยเหลือสังคม 1300 ได้ในทันที และดาวน์โหลดได้ทั้งในระบบ iOS และ Android ซึ่งในครั้งนี้ ได้ร่วมกับโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ในการผลิตคู่มือแนวทางปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดำเนินคดีสำหรับผู้กระทำความผิดและผู้เสียหายในคดีความผิดเกี่ยวกับเพศ จำนวน 2 เล่ม ได้แก่ 1) คู่มือการดำเนินคดีสำหรับผู้กระทำผิดทางเพศ และ 2) แนวทางปฏิบัติสำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการให้คำแนะนำผู้เสียหายในคดีความผิดเกี่ยวกับเพศ ผ่านระบบแอปพลิเคชันดังกล่าว อันจะนำไปสู่การลดปัญหาความรุนแรงในสังคมไทยได้อย่างยั่งยืน
กิจกรรมภายในงานมี การกล่าวสุนทรพจน์ (Speech) ในหัวข้อ “New Gen Anti Sex Crimes” โดย ตัวแทนนักเรียนและนักศึกษา จาก 6 สถาบัน ซึ่งเป็นการแสดงพลังของเยาวชน ในการร่วมต่อต้านอาชญากรรมทางเพศที่อาจเกิดขึ้นในครอบครัว โรงเรียน และชุมชน ทั้งนี้ การสร้างความรู้ความเข้าใจในครอบครัวและการสร้างเครือข่าย ระหว่างครอบครัว โรงเรียน ชุมชน เพื่อช่วยป้องกันปัญหา สามารถนำไปสู่แนวทางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการให้คำแนะนำผู้เสียหายในคดีความผิดเกี่ยวกับคดีทางเพศด้วยวิจัยและนวัตกรรม เพื่อยับยั้งการก่อเหตุคดีทางเพศในอนาคตได้ต่อไป