สวพส. ลงนาม MOU ร่วมกับบริษัท ฮิลล์คอฟฟ์ จำกัด (กาแฟชาวไทยภูเขา) เพื่อพัฒนากาแฟและพืชท้องถิ่นบนพื้นที่สูงแบบยั่งยืน

สวพส. ลงนาม MOU ร่วมกับบริษัท ฮิลล์คอฟฟ์ จำกัด (กาแฟชาวไทยภูเขา) เพื่อพัฒนากาแฟและพืชท้องถิ่นบนพื้นที่สูงแบบยั่งยืน

สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. นำโดยคุณวิรัตน์ ปราบทุกข์ ผู้อำนวยการ สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง และคุณนฤมล ทักษอุดม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮิลล์คอฟฟ์ จำกัด (กาแฟชาวไทยภูเขา) ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (Memorandum Of Understanding : MOU) เพื่อการพัฒนากาแฟและพืชท้องถิ่นบนพื้นที่สูงแบบยั่งยืน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมมือ ในการยกระดับการผลิต การตลาด การเพิ่มมูลค่า และการสร้างคุณค่าของกาแฟและพืชท้องถิ่น ด้วยองค์ความรู้และนวัตกรรมทางการเกษตร ภายใต้ระบบการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มู่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon neutral) และการดูแลทรัพยากรบนพื้นที่สูงอย่างยั่งยืน ตลอดจนการส่งเสริมการรับรองพืชจากแหล่งปลูก ผลิตภัณฑ์ชุมชน และผู้ประกอบการ และภายใต้ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Forest stamp-ไม่เผา ไม่บุกรุกป่า สร้างระบบวนเกษตร ผลิตภัณฑ์ของคนดี)

คุณวิรัตน์ ปราบทุกข์ ผู้อำนวยการ สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง กล่าวว่า การลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างบริษัท ฮิลล์คอฟฟ์ จำกัด ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทั้งสองฝ่าย ร่วมมือด้านการส่งเสริมความรู้และการพัฒนาระบบการปลูกและผลิตกาแฟอาราบิก้า ด้วยองค์ความรู้และนวัตกรรมทางการเกษตร ภายใต้ระบบการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งในส่วนของการแลกเปลี่ยนข้อมูล บุคลากร และทรัพยากร ความร่วมมือด้านการยกระดับการผลิต และการเพิ่มมูลค่าของพืชท้องถิ่น เพื่อให้ได้กาแฟอาราบิก้าคุณภาพดี

สวพส. จะทำหน้าที่ในการสนับสนุน และประสานงานในการรับรองมาตรฐาน GAP อินทรีย์ และอื่น ๆ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมวิชาการเกษตร เป็นต้น สนับสนุนและพัฒนาสถาบันเกษตรกรในการผลิตกาแฟและพืชท้องถิ่น ด้วยองค์ความรู้และนวัตกรรมทางการเกษตร ภายใต้ระบบการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon neutral) ทั้งนี้จะเกิดเป็นโมเดลทดสอบการขับเคลื่อนห่วงโซ่คุณค่าใหม่ของกาแฟอาราบิกาและพืชท้องถิ่นสู่ตลาดด้วยคุณค่าจากภายในพื้นที่ชุมชนและสังคมยอมรับ จากชุมชนเกษตรกรต้นน้ำที่ดูแลนิเวศน์สิ่งแวดล้อม ไปยังระบบเกษตรอุตสาหกรรมที่มีการแปรรูปใช้ทรัพยากรการเกษตรอย่างรู้ค่าสูงสุด จนไปถึงผู้บริโภคที่ได้ตระหนักรับรู้สนับสนุนสินค้าคุณภาพสู่ความยั่งยืน

การทำงานสองฝ่ายมีแผนปฏิบัติงานรายพื้นที่อย่างจริงจังร่วมกัน ภาครัฐเข้าช่วยแก้ปัญหาตามความต้องการเฉพาะของพื้นที่ จะมีการทบทวนแผนงาน ปรับปรุง เรียนรู้ไปด้วยกัน หากโมเดลนี้เกิดผลตามที่มุ่งหวัง จะเกิดเป็นความได้เปรียบใหม่ด้านการแข่งขันของภาคเกษตรไทยและจะสามารถขยายขอบเขตไปยังภาคเอกชนอื่นที่สนใจ หน่วยงานนโยบายภาครัฐ ตลอดจนภาคการศึกษา ในการต่อยอดและเชื่อมโยงความร่วมมือได้กว้างขวางยิ่งขึ้นไป

Loading

Share this post


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า