วช. ร่วมมือ กทม. และเครือข่ายนักวิจัย ขับเคลื่อนผลงานวิจัย สู่แผนปฏิบัติการฯ PM2.5

วช. ร่วมมือ กทม. และเครือข่ายนักวิจัย ขับเคลื่อนผลงานวิจัย สู่แผนปฏิบัติการฯ PM2.5

สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมกับ กรุงเทพมหานคร โดยสำนักสิ่งแวดล้อม และเครือข่ายนักวิจัย ขับเคลื่อนผลงานวิจัยและนวัตกรรมสู่แผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปี 2566 ภายใต้แผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” จึงจัดเสวนาวิชาการเรื่อง “เตรียมพร้อม รับมือ PM2.5 ด้วยวิจัยและนวัตกรรม”

โดย รศ.ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มอบหมายให้ คุณขจิต ชัชวานิชย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวต้อนรับผู้ทรงคุณวุฒิ เครือข่ายนักวิจัย และผู้เข้าร่วมงาน พร้อมทั้งเข้าร่วมงานผ่านทางระบบออนไลน์ และ ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวถึงรายละเอียดความเป็นมาของกิจกรรม เพื่อร่วมเสนอแนวทางการป้องกันและการจัดการปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในพื้นที่ กทม. โดยมีผู้บริหารจากสำนักงานเขต ทั้ง 50 เขต ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้บริหาร นักวิจัย ผู้แทนหน่วยงาน และสื่อมวลชนเข้าร่วมงาน ณ ห้องบางกอก ชั้น B2 อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดินแดง กรุงเทพฯ ในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2565

คุณขจิต ชัชวานิชย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครโดยสำนักสิ่งแวดล้อมร่วมกับสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ร่วมกันแก้ปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ด้วยผลงานวิจัยและนวัตกรรม โดยได้รับความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญทุกสาขา ผนึกกำลังร่วมเสนอความเห็นทางวิชาการและนำเสนอผลสำเร็จจากผลงานวิจัยและนวัตกรรม ในส่วนที่สามารถสนับสนุนการดำเนินการเกี่ยวกับแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปี 2566 ภายใต้แผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง”

เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการพื้นที่ (ช่วงวิกฤติ) และใช้สำหรับเป็นแผนเผชิญเหตุ รวมถึงมาตรการตอบโต้สถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 หากปริมาณเพิ่มสูงขึ้นในทุกพื้นที่ที่มีความเสี่ยง โดยร่วมกันระดมความคิดเห็นทางวิชาการเกี่ยวกับมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ที่เหมาะสมกับบริบทของกรุงเทพมหานครครอบคลุมในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นแหล่งกำเนิด การกำจัดการป้องกันและลดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน การใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว พร้อมร่วมกันเสนอแนวทางการป้องกันและการจัดการปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร

ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า วช. ในฐานะหน่วยบริหารจัดการทุนวิจัยและนวัตกรรมตามแผนงานสำคัญของประเทศ ซึ่งแผนงานด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ถือเป็นแผนงานที่สำคัญของประเทศ วช. มุ่งเน้นการวิจัยและนวัตกรรมเชิงรุก เพื่อนำสู่การกำหนดแผนงานวิจัยตอบโจทย์ผู้ใช้ประโยชน์และความต้องการของประเทศ โดยใช้กลไกความร่วมมือทางวิชาการของทุกภาคส่วน ทั้งเครือข่ายนักวิจัย สถาบันวิจัย และหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อขับเคลื่อนผลผลิตและผลสำเร็จจากผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปสู่การใช้ประโยชน์ที่เหมาะสมกับบริบทของประเทศไทย รวมทั้งมีการต่อยอดขยายผลกับชุมชนและหน่วยงานผู้ใช้ประโยชน์ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง

กิจกรรมเสวนาวิชาการในวันนี้ วช. พร้อมด้วยผู้ทรงคุณวุฒิและเครือข่ายนักวิจัยร่วมกันเสนอแนวทางการป้องกันและการจัดการปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ พร้อมทั้งคำแนะนำเพิ่มเติมต่อ (ร่าง) แผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปี 2566 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการพื้นที่ กทม. อีกทั้งเครือข่ายนักวิจัยที่ได้รับการสนับสนุนทุนจาก วช. ได้นำเสนอผลสำเร็จจากผลงานวิจัยและนวัตกรรม ในส่วนที่สามารถสนับสนุนการดำเนินการของ (ร่าง) แผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ วช. หวังเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในพื้นที่ของ กทม. และของประเทศ “เพื่อให้ประชาชนทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดี จากอากาศและสิ่งแวดล้อมที่ดี”

สำหรับการเสวนาวิชาการในวันนี้มีเครือข่ายนักวิจัยและผู้ทรงคุณวุฒิด้านมลพิษทางอากาศ ร่วมการเสวนา ประกอบด้วย ดร.วิจารย์ สิมาฉายา สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย, คุณพรพรหม ณ.ส. วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, รศ. ดร.ศิริมา ปัญญาเมธีกุล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ผศ. ดร.สุรัตน์ บัวเลิศ มหาวิทยาเกษตรศาสตร์, รศ. ดร.สาวิตรี การีเวทย์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี, รศ. ดร.สราวุธ เทพานนท์ มหาวิทยาลัยมหิดล, รศ. ดร.นเรศ เชื้อสุวรรณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี, รศ.ดร.เอกบดินทร์ วินิจกุล สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย, รศ. ดร.ชัยรัตน์ ตรีทรัพย์สุนทร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และ รศ. ดร.ภัคพงศ์ พจนารถ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์

ได้นำเสนอผลการศึกษาวิจัยว่า ฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่ กทม. รวมถึงเขตปริมณฑล มีแหล่งกำเนิดเปลี่ยนไปตามพื้นที่และฤดูกาล โดยแหล่งกำเนิดที่สำคัญหลักมาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงชีวมวล ไอเสียจากยานพาหนะ ฝุ่นดิน และฝุ่นละอองทุติยภูมิเป็นหลักร่วมกับปัจจัยทางอุตุนิยมวิทยาตามฤดูกาล ในการบริหารจัดการพื้นที่ในช่วงวิกฤติจึงควรให้ความสำคัญต่อการลดกิจกรรมการเผาไหม้ชีวมวลในที่โล่งทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และจังหวัดใกล้เคียง การบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดสำหรับรถยนต์และเรือที่มีควันดำ และการทำงานจากระยะไกล รวมถึงการร่วมกันปลูกต้นไม้ไม่ผลัดใบที่พบว่า มีประสิทธิภาพสูงในการช่วยเป็นป้อมซึ่งปราการสีเขียวช่วยกำบังฝุ่น เพื่อลดผลกระทบต่อต่อสุขภาพ ซึ่งทางกรุงเทพมหานครจะนำเอาข้อค้นพบเหล่านี้ไปในฐานในการออกแบบมาตรการจัดการปัญหาPM2.5 ในกรุงเทพฯ ตามรูปแบบการเกิดฝุ่น PM2.5

 

Loading

Share this post


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า