รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดงานเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก มุ่งหวังให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวและธุรกิจเกิดการเชื่อมโยงกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำไปสู่เศรษฐกิจหมุนเวียนทั่วโลก

สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว หรือ TTAA กลับมาสร้างความคึกคัก ให้กับการท่องเที่ยวปี 2566 ด้วยการจัดงานเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก หรือ TITF อย่างยิ่งใหญ่ ระหว่าง 16-19 กุมภาพันธ์ ณ Hall 8 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พร้อมต้อนรับผู้ที่กำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวจากทุกมุมโลก กว่า 300 บูท ประกอบด้วยสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวมากมายในราคาพิเศษ ในพิธีเปิดงานได้รับเกียรติจาก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา คุณพิพัฒน์ รัชชกิจประการ ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดงาน เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566

คุณเจริญ วังอนานนท์ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว กล่าวรายงานว่า ในนามของสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติมาร่วมเปิดงานเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก หรือ TITF ครั้งที่ 28 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ประกอบการและธุรกิจท่องเที่ยวได้มีโอกาสฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยว หลังจากประสบปัญหาเกิดโรคระบาดโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบเป็นเวลากว่า 3 ปี ที่ผ่านมา ภายในงานมีธุรกิจการท่องเที่ยวตอบรับเข้าร่วมงานจำนวน 300 บูท ประกอบด้วยสินค้าและบริการ ท่องเที่ยวมากมายในราคาพิเศษ โดยคาดว่าจะมีผู้สนใจเข้ามาชมงานประมาณ 2 แสนคน เกิดเงินสะพัดไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาท ในนามของนายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว จึงขอขอบคุณพันธมิตรหลัก และผู้ให้การสนับสนุนการจัดงานในครั้งนี้

คุณพิพัฒน์ รัชชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวเปิดงานว่า มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาเป็นประธานเปิดงานเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก ครั้งที่ 28 ซึ่งจัดโดยนายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว ด้วยความร่วมมือร่วมแรงร่วมใจของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องมาร่วมออกบูทภายในงาน การที่คณะผู้จัดงานได้จัดงานท่องเที่ยวดังกล่าวมาถึง 28 ครั้ง ย่อมเป็นเครื่องแสดงให้เห็นว่า การจัดงานที่ผ่านมาประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก สะท้อนให้เห็นถึงการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนอย่างเข้มแข็งและเหนียวแน่น โดยมุ่งหวังให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและธุรกิจเกิดการเชื่อมโยงกันอย่างต่อเนื่อง สนับสนุนให้เกิดการค้าการลงทุนอันจะนำไปสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยโดยรวม

“การจัดงานเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก อาจกล่าวได้ว่าเป็นการจัดงานท่องเที่ยวที่สำคัญงานหนึ่งของอาเซียน เนื่องจากมีผู้ประกอบการในภาคธุรกิจท่องเที่ยวทุกสาขา ให้ความสนใจร่วมงานอย่างคับคั่ง อาทิ โรงแรม รีสอร์ต รถเช่า เรือเช่า และอื่น ๆอี กมากมาย และเป็นที่น่ายินดีที่องค์กรธุรกิจท่องเที่ยวจากรัฐบาลหลายประเทศและสถานทูตต่าง ๆให้ความสนใจเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก จึงขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่ได้ช่วยกันส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยด้วยดีตลอดมา ถือเป็นการดำเนินการที่สอดคล้องกับการฟื้นประเทศด้วยการท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี”

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวกับสื่อมวลชนด้วยว่า การจัดงานอีเวนต์ในลักษณะเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก ถือเป็นการดึงกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศเข้ามาเดินดู และได้ช็อปปิง ว่าเขาอยากเที่ยวที่ไหน เพราะจะมีที่เที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นการกระตุ้นให้เกิดการเดินทาง เมื่อมีการเดินทางเศรษฐกิจก็จะหมุนเวียนทันที เราอย่าไปคิดว่านี่เป็นการทำให้คนไทยออกไปเที่ยวต่างประเทศ ในเวลาเดียวกัน ATTA ก็จะดึงต่างประเทศเข้ามาในเมืองไทย จากการที่ได้พบปะกับเอกอัครราชทูตของแต่ละประเทศ มักจะปรารภให้ฟังว่า คนไทยไปเที่ยวประเทศเขาน้อยแต่ประเทศเขามาเที่ยวประเทศไทยมาก เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นอินบาวด์หรือเอาต์บาวด์ก็เป็นสิ่งที่เราต้องทำควบคู่กันไป เพราะเป็นกิจกรรมที่ทำให้คนได้รับรู้ว่า วันนี้ประเทศไหนในทั่วทุกมุมโลกมีอะไรที่น่าสนใจ มีอะไรน่าเที่ยว นี่คือการแลกเปลี่ยน ซึ่งจะทำให้นอกจากเป็นการสร้างมิตรไมตรีที่ดีต่อกันระหว่างประเทศ ยังทำให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน และเชื่อว่าจะทำให้ความเป็นอยู่ของสังคมดีขึ้นตามมาด้วย

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬายังแสดงความคาดหวังว่า ในปี 2566 จำนวนนักท่องเที่ยวจะกลับมา80 เปอร์เซ็นต์ของ 30 ล้านคน ใกล้เคียงกับนักท่องเที่ยวในปี 2562 ก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจ 2.4  ล้านล้านบาท โดยสิ่งที่จะต้องเพิ่มก็คือ การทำให้นักท่องเที่ยวพำนักอยู่ในประเทศไทยนานขึ้น