“คุณสุดาวรรณ” เร่งสานต่อนโยบายรัฐบาล กำชับหน่วยงานสังกัด ปรับแผนการทำงานงบปี 68 ดัน วธ. สู่กระทรวงสังคมกึ่งเศรษฐกิจ ชวนเที่ยวประเพณีบุญกระธูป-เที่ยวโบราณสถานยามค่ำคืน 4 วัด 1 วัง

“คุณสุดาวรรณ” เร่งสานต่อนโยบายรัฐบาล กำชับหน่วยงานสังกัด ปรับแผนการทำงานงบปี 68 ดัน วธ. สู่กระทรวงสังคมกึ่งเศรษฐกิจ ชวนเที่ยวประเพณีบุญกระธูป-เที่ยวโบราณสถานยามค่ำคืน 4 วัด 1 วัง

คุณสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวภายหลังการประชุมหัวหน้าส่วนราชการและองค์การมหาชน ในสังกัดกระทรวงวัฒนธรรม ครั้งที่ 2/2567 ว่า ในการประชุมดังกล่าวหน่วยงานในสังกัด วธ. ได้รายงานความคืบหน้าการขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งได้กำชับให้ทุกหน่วยงานในสังกัดปรับแผนการดำเนินงานของ วธ. ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ของแต่ละหน่วยงาน ให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลหลังจากคุณแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาเรียบร้อยแล้ว

คุณสุดาวรรณ กล่าวว่า มีการรายงานแผนการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ซึ่งได้กำชับให้ทุกหน่วยงานเร่งรัดการเบิกจ่ายให้เป็นไปตามแผนและหากหน่วยงานใดได้รับการจัดสรรงบกลาง มาเพื่อขับเคลื่อนงานในปีงบประมาณปี 2567 ขอให้เร่งรัดดำเนินการตามแผนงานและให้ดำเนินการทันตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ ได้กำชับให้แต่ละหน่วยงานว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ขอสานต่อนโยบายในการผลักดันกระทรวงวัฒนธรรมสู่กระทรวงสังคมกึ่งเศรษฐกิจ โดยใช้อัตลักษณ์พื้นถิ่น ทุนทางวัฒนธรรม มรดกภูมิปัญญามาสร้างมูลค่าเพิ่มและนำมาพัฒนาให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งแต่ละหน่วยงานได้นำเสนอแผนการขับเคลื่อนงานวัฒนธรรมที่สำคัญในเดือนถัดไป อาทิ

สำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นำเสนอแผนการส่งเสริมประเพณีและพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม เพื่อสร้างรายได้สู่ชุมชน โดยเดือนตุลาคมจะส่งเสริมประเพณีบุญกระธูป จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งเป็นประเพณีที่จัดขึ้นในช่วงออกพรรษา โดยมีความสอดคล้องกับความเป็นมาของประเพณีฮีตสิบสอง ซึ่งถือเอาช่วงก่อนวันออกพรรษา 3 วัน คือ ขึ้น 12-15 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี ก่อนเทศกาลจะเริ่มผู้นำชุมชนร่วมกับชาวบ้าน จะมีการจัดทำต้นกระธูปเพื่อจุดถวายพุทธบูชา และเพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและการอนุรักษ์วัฒนธรรมเป็นประเพณีประจำท้องถิ่น โดยจะมีจัดนิทรรศการองค์ความรู้ประเพณีบุญกระธูปมีชีวิต สาธิตกระบวนการทำกระธูปและต้นกระธูป การจัดแสดงผลงานผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ (Work shop) และการต่อยอดถนนสายกระธูป (กระธูปหรรษา) เป็นต้น

“นอกจากนี้ มอบหมายให้กรมศิลปากร สานต่อกิจกรรมเปิดพิพิธภัณฑ์ยามและโบราณสถานยามค่ำคืน เนื่องจากได้รับการตอบรับจากนักท่องเที่ยว และเห็นว่าเป็นกิจกรรมที่จะต้องดำเนินการต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยเปิดแหล่งท่องเที่ยวโบราณสถานในยามราตรีให้ประชาชนและนักท่องเที่ยว ได้สัมผัสความสวยงามของโบราณสถานในยามค่ำคืน ได้เห็นภาพของโบราณสถานยามราตรีที่กระทบแสงไฟสาดส่อง ซึ่งเป็นภาพที่สวยงาม สร้างความประทับใจให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว ที่สำคัญเป็นนโยบายด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาลในการสร้างรายได้สู่ชุมชน ซึ่งกรมศิลปากรรายงานจะดำเนินการกิจกรรมดังกล่าวโดยร่วมกับจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จัดโครงการท่องเที่ยวโบราณสถานยามค่ำคืน 4 วัด 1 วัง เมื่อครั้งต้นกรุง เปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้าชมคือ วัดไชยวัฒนาราม วัดราชบูรณะ วัดมหาธาตุ วัดพระราม และพระราชวังจันทรเกษม ซึ่งจะดำเนินการตั้งแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2567 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2568”

Loading

Share this post


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า